วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

  วันนี้จะมาแนะนำกล้อง DSLR นามว่า Nikon d5300 กันครับ



ช่วงนี้ Nikon ออกรุ่นใหม่บ่อยจริงๆ และรอบนี้ก็ต้องแสดงความเสียใจและเสียดายกับผู้ที่เพิ่งซื้อ D5200 ที่เพิ่งจะออกมาขายได้ไม่นานก็ต้องตกรุ่นก่อนวัยอันควรซะแล้ว เอาล่ะเรามาต้อนรับสมาชิกใหม่ในครอบครัว Nikon กันดีกว่า Nikon D5300 เริ่มด้วยแนะนำตัวกันก่อนเลย

Nikon D5300 Features

  • เซนเซอร์ APS-C CMOS ความละเอียด 24.1 ล้านพิกเซล ไม่มี OLPF
  • ชิพประมวลผลรุ่นใหม่ Expeed 4
  • ISO 100-12800(ขยายได้ถึง 25600)
  • ถ่ายภาพต่อเนื่อง 5 fps
  • จุดโฟกัส 39 จุดเป็น cross-type 9 จุด
  • เซนเซอร์วัดแสง 2,016 พิกเซล
  • จอแสดงผลแบบปรับหมุนได้(Vari-angle)ขนาด 3.2" ความละเอียด 1,037,000 พิกเซล
  • ถ่าย Video Full HD 1080p60 และมี Stereo Microphone ในตัว
  • มี Wi-Fi, GPS ในตัว
  • ชุดคิท Nikon D5300+AF-S DX NIKKOR 18-140mm f/3.5-5.6G ED VR ราคา $1,399.95 หรือราวๆ 44,000-45,000 บาท
  • มี 3 สีให้เลือกคือ สีดำ สีเทา และสีแดง
  




ภายนอกและการคอนโทรล

ก่อนจะพูดถึงคุณภาพของรูป เรามาดูภายนอก ของกล้อง Nikon D5300 ผู้เขียนพบว่า จอ LCD มีความคมชัดและสีสันใกล้เคียงกับจอคอมพิวเตอร์ IPS ดีๆเลย  โดยจอภาพสามารถสู้แสงได้ในระดับหนึ่ง เมื่อมองในร่ม คุณภาพถือว่าดีมากๆ  ปุ่มปรับต่างๆ มีมาให้เพียงพอสำหรับการปรับค่าต่างๆ  ซึ่งหลายคนที่คิดว่าปุ่มของรุ่นนี้มีน้อย อาจจะเป็นความคิดที่ผิด  เพราะในความจริง การปรับภาพที่สำคัญ สามารถทำได้ในกล้องรุ่นนี้ได้อย่าวไม่ติดขัดเลย  ไม่ว่าจะเป็น ISO, Speed Shutter, Aperture มีเพียง WB ที่ต้องเข้าเมนูเท่านั้น
แต่ WB Auto ของกล้องก็ใช้งานได้แม่นยำเพียงพอ ซึ่งผู้เขียนมักแก้ปัญหา WB สำหรับบางรูปในคอมพิวเตอร์มากกว่า  เพราะสามารถปรับแก้ได้ละเอียดกว่ากล้องทุกรุ่น ดังนั้นสำหรับผู้เขียนจึงถือว่าเพียงพอแล้ว  ปัญหาเพียงอย่างเดียวที่ผู้เขียนพบคือการโฟกัสผ่าน Live View ทำได้ช้ามาก



คุณภาพไฟล์




จากขนาดภาพที่มีมากถึง 24 ล้านพิกเซลของ Nikon D5300


พลังในการครอปจึงมีมากทีเดียว จะเห็นได้จากรูปด้านล่าง เราครอปภาพจากที่ห่างถึง 20 เมตร

นอกจากนี้พลังเซนเซอร์ยังสามารถใช้กับรูป Portrait ได้อีก จากภาพด้านล่าง เมื่อครอปภาพมา จะเห็นว่า รายละเอียดของดวงตาและผิวมีความละเอียดมากทีเดียว ในกล้องราคาระดับเดียวกันเรียกว่าหาตัวเทียบได้ยากมาก



แต่เมื่อไฟล์ละเอียดสูงขนาดของไฟล์ก็ใหญ่ตามไปด้วย ผู้เขียนพบว่า RAW มีขนาด 24 MB และ JPEG มีขนาด 7-10 MB เลยทีเดียว MEMORY 32 GB จะบรรจุได้ ประมาณ 845 รูปสำหรับ RAW


WIFI และ GPS  ถือเป็นเรื่องทั่วไปสำหรับกล้องในปัจจุบันที่มีการบรรจุ WIFI มาในกล้องแล้ว  ในขณะที่ GPS ยังอาจมีเพียงบางรุ่นในตลาด
GPS ของกล้องสามารถบันทึกการเดินทางของท่านได้โดยเลือกช่วงเวลาที่ต้องการบันทึก 5 วินาที – 2 นาที  โดย GPS จะทำงานแม้ปิดกล้อง  อย่างไรพบว่า GPS มีความผิดพลาดบ้างเมื่ออยู่ในตัวอาคาร  ทำให้การบันทึกมีความผิดจากความจริง
ฟังชั่นที่ผู้เขียนชอบมากคือการ Remote Shutter ผ่าน WIFI ซึ่งสามารถทำให้ผู้เขียนถ่าย Bulb โดยไม่ต้องซื้อสายลั่นชัตเตอร์ และยังถ่าย RAW ได้อีกด้วย  อย่างไรก็ดีในโหมดนี้ ผู้ถ่ายไม่สามารถปรับค่าใดๆของกล้องได้เลยเช่นเดียวกับกล้อง Sony เมื่อจะปรับค่าใดๆต้องเลื่อนโหมดบนสมาร์ทโฟนและปรับที่ตัวกล้องเท่านั้น
การเปิด WIFI และ GPS จะทำให้การบริโภค Battery มีสูง
ผู้เขียนแนะนำให้เปิดเมื่อจำเป็นเท่านั้น

ISO TEST

ภาพแรกเป็นภาพเต็มเฟรมที่ถ่ายในที่แสงน้อยตอนตี 1 กว่า เพื่อจะได้เห็นประสิทธิภาพของ sensor ในที่แสงน้อยไปในตัว

ท้ายสุดการรีวิวนี้ขอจบด้วยข้อสรุปต่อไปนี้

ข้อดี

-  ไฟล์มีคุณภาพดีมากและความละเอียดสูง
-  ISO 1600 แทบไม่มี Noise เลย
-  Wifi สามารแทนสายลั่นชัตเตอร์ได้
-  จอพลิกสะดวกและสีสันดีเยี่ยม
-  ขนาดเล็กและเบาดี
-  ถ่านสามารถถ่ายได้กว่า 500 รูป

ข้อเสีย

-  ไฟล์ใหญ่มากมี SD Card ช่องเดียว
-  Live View โฟกัสช้า
-  Remote Shutter ปรับค่าอะไรไม่ได้เลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น